ทันตกรรมรากเทียมระบบดิจิทัล

(Digital Dental implant)

รากฟันเทียมคืออะไร ?
โดยทั่วไปแล้วรากฟันเทียมจะประกอบด้วยส่วนประกอบ 3 ส่วน

  • รากฟันเทียมเป็นส่วนที่อยู่ในกระดูก ใต้เหงือก ทำหน้าที่แทนรากฟัน รากเทียม ผลิตจากวัสดุไทเทเนียมที่เข้ากับร่างกายได้ดี และสามารถใช้งานได้ยาวนาน
  • ตัวยึดหรือabutmentใช้สำหรับยึดรากฟันเทียมและครอบฟันบนรากฟันเทียมเข้าด้วยกัน ซึ่งไม่สามารถมองเห็น abutment จากภายนอกได้
  • ครอบฟันบนรากฟันเทียมเป็นส่วนที่เป็นตัวฟันที่มองเห็น สามารถใช้บดเคี้ยวอาหาร และเสริมสร้างบุคลิกภาพให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

การฝังรากฟันเทียมระบบดิจิทัล

การผ่าตัดฝังรากฟันเทียมจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและให้ความปลอดภัยต่อคนไข้ได้มากที่สุดนั้น จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ความชำนาญของทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมรากเทียม เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่แม่นยำและเหมาะสมที่สุดในการฝังรากเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกร ทางศูนย์ทันตกรรมเดนทัลแลนด์จึงได้นำเทคโนโลยีที่เรียกว่า Computer Guided Implant Surgery มาใช้เป็นตัวช่วยทันตแพทย์ในการฝังรากฟันเทียมแบบระบบดิจิทัล เพื่อกำหนดตำแหน่งรากฟันเทียมได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังสามารถลดขนาดของแผลที่ผ่าตัดลง รวมถึงช่วยลดความเจ็บปวดของคนไข้หลังผ่าตัด และช่วยร่นระยะเวลาในการผ่าตัดลงอีกด้วย

 
 
 
 
 

Computer Guided Implant Surgery คืออะไร?

เป็นการวางแผนการฝังรากฟันเทียมแบบระบบดิจิทัลด้วยการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีทางภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิติ (3D Dental CT Scan) เพื่อช่วยในการวางแผนรักษาและกำหนดตำแหน่งฝังรากฟันเทียมที่เหมาะสมที่สุด โดยจะไม่กระทบกับอวัยวะสำคัญภายในช่องปากของคนไข้ที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น เส้นประสาท, หรือ โพรงอากาศข้างแก้ม ซึ่งการทำเอกซเรย์แบบ 3 มิตินั้น จะทำให้สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในช่องปากได้อย่างครบถ้วนและชัดเจน เมื่อเราได้ภาพภาพ 3 มิติของตำแหน่งของรากเทียมมาแล้ว ก็จะนำไปพิมพ์เป็นอุปกรณ์กำหนดตำแหน่งสำหรับการฝังรากเทียม ซึ่งจะเอาไปใช้ในขั้นตอนการผ่าตัดต่อไป

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมระบบดิจิทัล (Digital Dental implant)

  1. คุณจะต้องได้รับการประเมินจากทันตแพทย์ก่อนว่า มีความเหมาะสมสำหรับฝังรากเทียมหรือไม่ ซึ่งจะต้องไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามสำหรับทำรากเทียม เพื่อที่จะได้ทราบว่าควรจะต้องฝังรากเทียมทั้งหมดกี่ตำแหน่ง
  2. ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปาก ปัจจุบันที่ศูนย์ทันตกรรมเดนทัลแลนด์ของเราจะใช้เทคโนโลยีทางภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิติ (3D Dental CT Scan) เพื่อให้ได้ภาพ 3 มิติ และเก็บภาพในช่องปากของคุณไว้ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัล โดยข้อมูลดังกล่าว และข้อมูลที่ได้จากการทำ CT Scan จะถูกเอามารวมกันในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ออกแบบตำแหน่งของรากเทียมที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละคน
  3. หลังจากได้ขนาดและตำแหน่งของรากเทียมแล้ว ทันตแพทย์จะทำการออกแบบอุปกรณ์ กำหนดตำแหน่งรากเทียม โดยทันตแพทย์จะส่งข้อมูลไปให้ห้องแลปทันตกรรม เพื่อพิมพ์เป็นอุปกรณ์กำหนดตำแหน่งรากเทียมออกมา แล้วนำกลับมาใช้ในการผ่าตัด

  4. ในวันผ่าตัดเพื่อฝังรากเทียม ทันตแพทย์จะทำการฉีดยาชาเพื่อเปิดเหงือกสำหรับฝังรากเทียม และทำการฝังรากเทียมตามที่วางแผนไว้อย่างเหมาะสม ในบางกรณีอาจมีการเสริมกระดูกก่อน

  5. หลังจากที่ฝังรากเทียมเสร็จแล้ว ระยะเวลาการพักฟื้นจะขึ้นอยู่กับกระดูกของคุณ ถ้าเป็นขากรรไกรบนจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ส่วนขากรรไกรล่างใช้เวลา 3 เดือน เพื่อให้กระดูกติดกับตัวรากเทียมได้โดยตรง

  6. มื่อกระดูกยึดกับรากฟันเทียมดีแล้ว ทันตแพทย์จะพิมพ์ปากเพื่อทำสะพานฟัน ครอบฟัน หรือฟันปลอมและทำการใส่เดือยฟันเพื่อรองรับสะพานฟัน ครอบฟัน หรือฟันปลอม

  7. ทำการใส่ สะพานฟัน ครอบฟัน หรือฟันปลอม และจะต้องนัดเพื่อติดตามอาการต่อไป

*ระยะเวลาการรักษาระหว่างโดยรวมนั้นใช้เวลาประมาณ 2 – 6 เดือนหรือมากกว่านั้น การยึดติดของรากเทียมกับกระดูก ขึ้นอยู่กับสภาพของกระดูกขากรรไกรและประเภทรากเทียมที่ใช้

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม

  • รากเทียมจะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาฟันแท้หลุดกลับมามีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิม
  • ผู้ที่ทำรากเทียมจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างการใส่ฟันปลอมด้วยรากเทียมกับฟันแท้เลย เรียกว่าดูเป็นธรรมชาติและทำงานได้อย่างใกล้เคียงกับฟันแท้มากที่สุด การบดเคี้ยวอาหารจะทำได้ดี ปัญหาการออกเสียงไม่ชัดก็จะหายไป
  • การทำรากเทียมไม่จำเป็นต้องกรอฟันที่อยู่ข้างเคียง จึงเป็นวิธีการรักษาที่ไม่ทำให้ฟันที่อยู่ข้างเคียงสูญเสียเนื้อฟันที่เป็นธรรมชาติไป
  • ทำให้ฟันที่อยู่ข้างเคียงไม่ผิดรูป เพราะธรรมชาติของฟันจะต้องมีการพิงกัน ถ้าฟันเกิดช่องว่าง ไม่ขบกันเป็นเวลานาน ก็จะทำให้ฟันที่อยู่ข้างเคียงเกิดการเลื่อนหรือล้มจนผิดรูปได้
  • เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเสริมสุขภาพช่องปาก ช่วยให้ไม่มีปัญหาฟันผุหรือปัญหาเหงือกตามมา