ในระหว่างที่ทำการเอกซเรย์ในช่องปาก ต้องถอดโลหะบริเวณใบหน้าและภายในช่องปาก เช่น แว่นตา เครื่องมือถอดได้ในช่องปาก อาทิฟันเทียมถอดได้ เครื่องมือจัดฟันชนิดถอดได้ เครื่องมือคงสภาพฟัน เป็นต้น หากเป็นการเอกซเรย์นอกช่องปาก ผู้ป่วยต้อง ถอดสร้อยคอ ต่างหู กิ๊บติดผมออก เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านั้นมาบดบังลักษณะของกระดูกและฟัน ขณะทำการเอกซเรย์ต้องอยู่นิ่งที่สุดจนกว่าเสียงสัญญาณของเครื่องเอกซเรย์จะหยุด
รังสีที่ใช้ในการเอกซเรย์ฟันคือรังสีเอกซ์ (X-ray) ซึ่งเป็นรังสีชนิดเดียวกับการเอกซเรย์ทางการแพทย์ ส่วนปริมาณรังสีที่ใช้ในการเอกซเรย์ฟันนั้นค่อนข้างน้อยมากโดยเฉพาะ เมื่อเทียบกับปริมาณรังสีที่ใช้เอกซเรย์เพื่อวินิจฉัยในทางการแพทย์ อย่างไรก็ตามควร เอกซเรย์ฟันเท่าที่จำเป็นตามที่ทันตแพทย์วินิจฉัยว่าสมควรและเมื่อผู้ป่วยมารับการ เอกซเรย์ฟัน เจ้าหน้าที่จะต้องสวมเสื้อและปลอกคอกันรังสีให้กับผู้ป่วยทุกครั้งอย่างไรก็ดี ผู้ป่วยสามารถดูแลสุขภาพช่องปากอย่างง่ายด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งให้ สะอาดร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน และควรมารับการตรวจฟันเป็นประจำ ทุก 6 เดือน – 1 ปี
กรณีกำลังตั้งครรภ์อยู่ หากได้รับรังสี X-Ray ในปริมาณมากอาจส่งผลต่อทารกได้ ซึ่งปริมาณรังสีที่ทางการแพทย์คือว่าปลอดภัยทารกในครรภ์ คือ ต่ำกว่า 50 mGy
โดยปริมาณรังสีที่ได้รับจากการถ่ายภาพรังสีทางการแพทย์ที่ทารกจะได้รับจากกรณีคุณแม่ถ่ายภาพรังสี
การถ่ายภาพรังสีช่องท้อง 3 mGy
การถ่ายภาพรังสีช่องอก 0.002 mGy
การถ่ายภาพรังสีภายในช่องปาก น้อยกว่า 0.001 mGy
ซึ่งจะเห็นได้ว่ายิ่งมีการถ่ายภาพรังสีห่างจากบริเวณช่องท้องปริมาณรังสีที่ทารกได้รับจะยิ่งลดน้อยลง ซึ่งในทางทันตกรรมซึ่งเป็นการถ่ายภาพรังสีขนาดเล็กเฉพาะส่วน ปริมาณรังสีที่ได้รับจึงน้อยมาก และในการถ่ายภาพรังสีจะมีการสวมเสื้อตะกั่วเพื่อปิดบังบริเวณช่องท้อง ทำให้ปริมาณรังสีที่ทารกได้รับนั้นน้อยมาก หรือไม่ได้รับเลย
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยคนไข้ควรแจ้งทางพนักงาน และทันตแพทย์ทุกครั้งว่าอยู่ในช่วงการตั้งครรภ์ เพื่อที่จะให้การรักษาได้อย่างปลอดภัย และถ่าย X-Ray เท่าที่จำเป็นเท่านั้น